"คนละครึ่งพลัส" หลังเปิดมา 4 วัน
1. การตอบรับและยอดใช้จ่ายเบื้องต้น (29 ต.ค. - 31 ต.ค. 2568)
ยอดใช้จ่ายรวมสูงมาก: ข้อมูล ณ สิ้นวันที่ 31 ตุลาคม 2568 (วันที่ 3 ของการใช้สิทธิ์) พบว่ามียอดใช้จ่ายสะพัดไปแล้วกว่า 6,368 ล้านบาท (หรืออาจสูงกว่านี้ขึ้นอยู่กับแหล่งข้อมูลล่าสุด) แสดงให้เห็นถึงการตอบรับที่คึกคักและรวดเร็วจากประชาชน
จำนวนผู้ใช้สิทธิ์: มีผู้ใช้สิทธิ์ครั้งแรกสำเร็จแล้วกว่า 73% หรือประมาณ 14.5 ล้านคน ณ สิ้นวันที่ 31 ตุลาคม 2568 (จากจำนวนสิทธิ์ที่ตั้งเป้าไว้ประมาณ 20 ล้านสิทธิ์)
การกระตุ้นเศรษฐกิจ: ตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าโครงการประสบความสำเร็จในการ กระตุ้นการบริโภค ภายในประเทศได้อย่างชัดเจนในช่วงปลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง วันสิ้นเดือน (Payday) ซึ่งเป็นวันที่ประชาชนมีกำลังซื้อสูง
2. จุดเด่นที่ส่งผลต่อความคึกคัก
ต่อยอดจากโครงการเดิม: โครงการนี้เป็นที่รู้จักและผู้ใช้งานคุ้นเคยอยู่แล้วจากโครงการ "คนละครึ่ง" เฟสก่อนหน้า ทำให้การเปลี่ยนมาใช้งาน "คนละครึ่งพลัส" เป็นไปอย่างราบรื่น
เพิ่มวงเงินและกลุ่มเป้าหมาย:
เพิ่มเงินสมทบของรัฐ จาก 150 บาท/วัน เป็น 200 บาท/วัน ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้รับประโยชน์มากขึ้น
ลดเกณฑ์อายุผู้รับสิทธิ์ เหลือ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีการเพิ่มสิทธิให้แก่ ผู้เสียภาษี ทำให้มีการขยายฐานผู้เข้าร่วมโครงการ
ขยายกลุ่มร้านค้า ให้โอกาสนิติบุคคลรายเล็กเข้าร่วมได้ด้วย
เป้าหมายเร่งด่วน (Quick Win): รัฐบาลตั้งเป้าให้เป็นมาตรการเร่งด่วนในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี เพื่อพยุงและกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ทำให้เกิดแรงส่งในการใช้จ่ายตั้งแต่เริ่มต้น
3. ประเด็นที่ต้องจับตาและข้อควรระวัง
การกระจายตัวของเงิน: แม้ยอดรวมจะสูง แต่ต้องติดตามต่อไปว่าเม็ดเงินเหล่านี้ได้ กระจายตัว ไปสู่ร้านค้าขนาดเล็กในท้องถิ่นและเศรษฐกิจฐานรากตามวัตถุประสงค์หลักหรือไม่
การทุจริต/การฉวยโอกาส: มีรายงานการ ระงับสิทธิ์ร้านค้า ที่เข้าข่ายทุจริต เช่น การแลกเงิน หรือการขายสินค้าเกินราคาตั้งแต่ช่วงแรกของการดำเนินโครงการ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
ความยั่งยืน: เป็นมาตรการที่เน้นการกระตุ้นระยะสั้น แม้จะช่วยพยุงเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ได้ แต่ผลในระยะยาวต่อเศรษฐกิจโดยรวมยังเป็นสิ่งที่ต้องวิเคราะห์ต่อไป
โดยสรุป โครงการ "คนละครึ่งพลัส" ได้เริ่มต้นอย่าง คึกคักและประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการกระตุ้นยอดใช้จ่ายภายในประเทศในช่วง 4 วันแรก โดยมีเม็ดเงินสะพัดหลายพันล้านบาท และมีผู้ใช้งานจำนวนมากที่ได้ใช้สิทธิ์

Post a Comment