ความเชื่อมโยงระหว่างปลาเค็มและมะเร็ง

ในประเทศไทย ปลาเค็มเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน แต่ภายใต้รสชาติที่คุ้นเคยนั้น มีความเสี่ยงด้านสุขภาพที่สำคัญซ่อนอยู่ นั่นก็คือความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มะเร็งหลังโพรงจมูก
ความเชื่อมโยงระหว่างปลาเค็มและมะเร็ง ปลาเค็มไม่ได้มีสารก่อมะเร็งอยู่โดยธรรมชาติ แต่กระบวนการถนอมอาหารต่างหากที่เป็นสาเหตุหลัก สารไนโตรซามีน: ในกระบวนการหมักและการตากแห้งของปลาเค็ม สารไนไตรท์และไนเตรทที่มีอยู่ตามธรรมชาติในปลาจะทำปฏิกิริยากับโปรตีนและกรดอะมิโนบางชนิด เกิดเป็นสารกลุ่ม ไนโตรซามีน (Nitrosamines) ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้เป็น สารก่อมะเร็งในมนุษย์ (Group 1 Carcinogen) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมะเร็งหลังโพรงจมูก การปนเปื้อนของเชื้อรา: หากกระบวนการผลิตปลาเค็มไม่ถูกสุขลักษณะ อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อราที่สร้างสาร อะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งอีกชนิดหนึ่งที่ส่งผลต่อตับและไต ความเสี่ยงไม่ได้มาจากปลาเค็มเพียงอย่างเดียว นอกจากปลาเค็มแล้ว อาหารแปรรูปที่ผ่านการหมักหรือตากแห้งด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม เช่น ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ เนื้อเค็ม และปลาร้า ก็มีความเสี่ยงที่จะมีสารก่อมะเร็งกลุ่มไนโตรซามีนเช่นกัน แนวทางการลดความเสี่ยง แม้ปลาเค็มจะมีความเสี่ยง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องงดกินไปตลอดชีวิต หากคุณยังอยากกินปลาเค็มอยู่ ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้เพื่อลดความเสี่ยง เลือกซื้ออย่างระมัดระวัง: ควรเลือกซื้อปลาเค็มที่มาจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ มีกระบวนการผลิตที่สะอาดและถูกสุขอนามัย กินแต่พอประมาณ: ไม่ควรกินบ่อยเกินไป และไม่ควรกินในปริมาณมากในแต่ละครั้ง ปรุงอาหารอย่างเหมาะสม: การนำปลาเค็มไปปรุงอาหารด้วยความร้อน เช่น การทอดหรือย่าง อาจช่วยลดปริมาณสารไนโตรซามีนลงได้บ้าง แต่ไม่สามารถกำจัดได้ทั้งหมด กินอาหารที่หลากหลาย: ควรกินผักและผลไม้ให้มากขึ้น เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ การรับประทานอาหารที่หลากหลายและครบถ้วนตามหลักโภชนาการเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันมะเร็ง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเรื่องสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องครับ

ไม่มีความคิดเห็น