โค้งสุดท้ายซีเกมส์! "อรรถกร" ลงพื้นที่ตรวจทัพนักกีฬา-สนามแข่ง ย้ำ "พร้อมเต็มร้อย"



วันที่ 11 ตุลาคม 2568 – เหลือเวลาไม่ถึง 2 เดือนก่อนที่การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ลงพื้นที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก เพื่อติดตามความพร้อมและสร้างขวัญกำลังใจให้กับทัพนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง พร้อมยืนยันต่อสื่อมวลชนอย่างหนักแน่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยทั้งประเทศและสยบทุกกระแสความกังวลในโลกออนไลน์ว่า "ประเทศไทยพร้อมเต็มร้อย" สำหรับการเป็นเจ้าภาพ



โดยในช่วงเช้า ท่านรัฐมนตรีฯ ได้เดินสายตรวจเยี่ยมการเตรียมการในจุดสำคัญต่างๆ อย่างใกล้ชิดตามกำหนดการ เริ่มตั้งแต่การให้กำลังใจนักกีฬายูโด ณ สมาคมกีฬายูโดแห่งประเทศไทย, ตรวจความคืบหน้าการปรับปรุงสนามแข่งขันกีฬาเอ็กซ์ตรีม, ติดตามการฝึกซ้อมของนักกีฬาบอคเซีย, สำรวจสระว่ายน้ำ, ตรวจการปรับปรุงสนามแข่งขันจักรยาน (เวลโลโดรม), ตรวจดูสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาปีนหน้าผา, ตรวจเยี่ยมราชมังคลากีฬาสถาน, ดูการฝึกซ้อมของนักกีฬาเทคบอลและการพัฒนาร่างกายของนักกีฬาทีมชาติไทยด้วยวิทยาศาสตร์ ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา และปิดท้ายด้วยการตรวจเยี่ยมการฝึกซ้อมและให้กำลังใจนักกีฬาเทควันโด ณ สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เพื่อรับฟังความต้องการและสร้างความมั่นใจให้กับทุกสมาคมกีฬาในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการแข่งขัน

ภายหลังการตรวจเยี่ยม นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ได้ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมทั้งหมดว่า "ผมเข้าใจดีถึงความห่วงใยของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกระแสในโซเชียลมีเดีย วันนี้ผมจึงลงมาดูให้เห็นกับตาและขอยืนยันว่า ความพร้อมของเรา โดยเฉพาะสนามหลักในกรุงเทพฯ รวมถึงจังหวัดร่วมจัดอย่างชลบุรีและสงขลา มีความคืบหน้าไปมากจนเรียกได้ว่าพร้อมเกือบทุกอย่างแล้ว ภารกิจในวันนี้คือการมาเก็บรายละเอียดและเร่งรัดในส่วนสุดท้าย เพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดก่อนที่นักกีฬาจากชาติต่างๆ จะเดินทางมาถึง"

นอกจากนี้ ท่านรัฐมนตรีฯ ยังได้เน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์และภารกิจหลักของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาว่า การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้มีความหมายที่ไกลกว่าแค่เหรียญรางวัล แต่เป็นโอกาสทองที่จะแสดงศักยภาพของประเทศในเวทีโลก
"เราไม่ได้มองซีเกมส์เป็นแค่การแข่งขันกีฬา แต่เรามองว่านี่คือโอกาสสำคัญที่จะได้ แสดงศักยภาพของประเทศไทยในทุกมิติให้ชาวโลกได้เห็น ผมได้ให้นโยบายที่ชัดเจนกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ไปแล้วว่า การโปรโมทต้องทำให้เห็นว่า นอกเหนือจากความเป็นเลิศด้านกีฬาแล้ว ประเทศไทยยังมีความพร้อมในด้านการท่องเที่ยวอย่างไร เราต้องใช้โอกาสนี้เชิญชวนทั้งนักกีฬา กองเชียร์ และผู้ชมจากทั่วอาเซียนให้เดินทางมาสัมผัสประเทศไทย ถือเป็นการ 'ยิงปืนนัดเดียว ได้นกหลายตัว' ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในเมืองเจ้าภาพ และสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับประเทศในภาพรวม" นายอรรถกรกล่าว
การลงพื้นที่อย่างเข้มข้นในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะผลักดันให้การเป็นเจ้าภาพซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ 2025 ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งชาติ และใช้มิติของกีฬาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
 


ไม่มีความคิดเห็น